วัดป่ามณีกาญจน์
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙

 

จัดทำโดย คณะศิษย์วัดป่ามณีกาญจน์

วัดป่ามณีกาญจน์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
วัดป่ามณีกาญจน์
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
วัดป่ามณีกาญจน์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
วัดป่ามณีกาญจน์
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
วัดป่ามณีกาญจน์
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
วัดป่ามณีกาญจน์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
วัดป่ามณีกาญจน์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙
วัดป่ามณีกาญจน์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕ คราวเตรียมงานฉลองเจดีย์ พิพิธภัณฑ์องค์หลวงปู่เสาร์ กนตฺสีโล ณ วัดดอนธาตุ ต.ดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านพระอาจารย์สาคร ได้รับมอบหมาย จากคณะทำงานคราวนั้น ให้รับหน้าที่ติดต่อประสานงาน ทั้งระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และองค์พระเถรานุเถระ ที่เมตตารับนิมนต์ร่วมพิธีในคราวนั้น การนี้ท่านพระอาจารย์สาครต้องเดินทางระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ จ.อุบลราชธานี บ่อยครั้ง อีกทั้งยังต้องติดต่อประสานงาน กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่ทำการอยู่ในกรุงเทพฯ ท่านจึงต้องพักแรมในกรุงเทพฯบ่อยครั้ง โดยความจำเป็นในการที่ต้องพักแรมในกรุงเทพฯนี้เอง ท่านพิจารณาเห็นว่า สถานที่พักที่เหมาะ สำหรับภิกษุสามเณร สังกัดธรรมยุติในกรุงเทพฯนั้น มีไม่เพียงพอกับจำนวนภิกษุสามเณร ที่มีความจำเป็นต้องพักแรม รวมถึงเมื่อเวลาอาพาธ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล หรือมีกิจนิมนต์ สถานที่พักส่วนใหญ่ ไม่สะดวกในการรักษาข้อวัตรปฏิบัติให้สมบูรณ์ ท่านจึงได้ปรารภเรื่องนี้ในหมู่ศิษย์ของท่าน เวลานั้นศิษย์ท่านพระอาจารย์สาครท่านหนึ่ง ทราบความประสงค์ อันกอปรด้วยกุศลเจตนาของท่าน จึงนำความไปปรึกษากับกลุ่มญาติ ซึ่งมีที่ดินอยู่ ณ ต.ศาลากลาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จำนวน ๙ ไร่เศษ กลุ่มญาติทั้งหมดอันประกอบด้วย ม.ร.ว.วรรณี มณีกาญจน์ นายสันติ มณีกาญจน์ (อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจังหวัดหนองคาย) นางสาวชูพักตร์ มณีกาญจน์ นางบุญล้อม มณีกาญจน์ และลูกๆของนายประสิทธิ์ มณีกาญจน์ มีความเห็นพ้องกันว่า สมควรถวายที่ดินผืนดังกล่าว เพื่อสร้างวัดในสังกัดธรรมยุติ เพื่อประกอบศาสนกิจ ในบวรพระพุทธศาสนาต่อไป โดยท่านพระอาจารย์สาคร ให้ชื่อวัดนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ กุศลธรรมของญาติโยม ที่มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ว่า “วัดป่ามณีกาญจน์” การดำเนินการก่อสร้าง จึงได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๖ เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๔๘ คุณประมิตร วังพัฒนมงคล และคณะศิษย์เป็นผู้มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินถวายเพิ่มอีกจำนวน ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา และภายหลัง มีผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก ได้ร่วมกันซื้อที่ดินถวายวัดเพิ่มเติมขึ้นโดยลำดับ พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่ม ภายในบริเวณวัดปลูกต้นไม้ ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น ตลอดจนผลไม้ เพื่อความร่มรื่นภายในวัด และเพื่อให้เหมาะแก่การปฏิบัติภาวนา ทางด้านหน้ามีสระน้ำใหญ่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ล้วนมุ่งเน้นให้มีรูปแบบที่เรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ สำหรับเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ ท่านพระอาจารย์อำนวย จิตตฺสํวโร ซึ่งได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็น พระครูภาวนาวราทร เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๙