เณรจีน บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียง เป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น
เณรจีน โดย คุณหลวง จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่า คงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษ เช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกัน พร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัด ที่สืบทอดเจตนารมณ์ ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า จีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติก ของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์ คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม เมื่อทราบว่าจีน เพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ ได้อย่างฉาดฉาน เช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน หน้าตาของจีน ใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้น ก็ทำข้อวัตรปฏิบัติ เช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่า จีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชาย ที่กำลังจะโต สมองกำลังขยาย และพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติ ที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่า คุณแม่เป็นคนส่งเสริม ให้ผมไปบวช ในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน จีนเล่าให้ผมฟังว่า “แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้ว ต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่น ตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอาย ว่า ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ แม่ผมอยากให้ผม บวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย” จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษ ในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมาก และจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิท ในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณร คือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผม ด้วยดวงตาสลด ที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้าม ไม่ให้นอนที่นอนนุ่ม ก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยม หาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป เพราะต้องนำเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร ให้ฉันแต่ของที่เขา เอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา ทุกคนเขาสรรเสริญเรา ที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมด เพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัด ที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติ เช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะ ทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะ จึงเป็นการระวัง ไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีล ในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะ จะได้พิจารณาสถานที่ ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก หน้าตา ดีขึ้นกว่าเดิม วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น จีนยังทำได้ และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน จีนมีความเข้มแข็ง และมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม จีนโชคดี ที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจ หลักของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำ ที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสอง ประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าว ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาต ตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติ เรื่องการฉันอาหารในบาตร ได้อย่างถ่องแท้ จีนใช้เวลา ระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่ จีนอยากบวชอีก เมื่อมีโอกาส ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่า พออ่านได้พอสมควรแล้ว ให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่อง องค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่า เมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก ที่เอาเรื่องจีนมาเล่า เพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่น ยิงนกกระจอก ที่มากมายในวัด มาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาส เหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต

 

จัดทำโดย คณะศิษย์วัดป่ามณีกาญจน์

เณรจีน บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียง เป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น
เณรจีน โดย คุณหลวง จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่า คงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษ เช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกัน พร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัด ที่สืบทอดเจตนารมณ์ ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า จีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติก ของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์ คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม เมื่อทราบว่าจีน เพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ ได้อย่างฉาดฉาน เช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน หน้าตาของจีน ใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้น ก็ทำข้อวัตรปฏิบัติ เช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่า จีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชาย ที่กำลังจะโต สมองกำลังขยาย และพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติ ที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่า คุณแม่เป็นคนส่งเสริม ให้ผมไปบวช ในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน จีนเล่าให้ผมฟังว่า “แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้ว ต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่น ตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอาย ว่า ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ แม่ผมอยากให้ผม บวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย” จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษ ในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมาก และจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิท ในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณร คือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผม ด้วยดวงตาสลด ที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้าม ไม่ให้นอนที่นอนนุ่ม ก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยม หาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป เพราะต้องนำเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร ให้ฉันแต่ของที่เขา เอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา ทุกคนเขาสรรเสริญเรา ที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมด เพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัด ที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติ เช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะ ทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะ จึงเป็นการระวัง ไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีล ในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะ จะได้พิจารณาสถานที่ ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก หน้าตา ดีขึ้นกว่าเดิม วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น จีนยังทำได้ และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน จีนมีความเข้มแข็ง และมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม จีนโชคดี ที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจ หลักของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำ ที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสอง ประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าว ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาต ตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติ เรื่องการฉันอาหารในบาตร ได้อย่างถ่องแท้ จีนใช้เวลา ระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่ จีนอยากบวชอีก เมื่อมีโอกาส ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่า พออ่านได้พอสมควรแล้ว ให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่อง องค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่า เมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก ที่เอาเรื่องจีนมาเล่า เพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่น ยิงนกกระจอก ที่มากมายในวัด มาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาส เหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต
เณรจีน บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียง เป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น
เณรจีน โดย คุณหลวง จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่า คงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษ เช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกัน พร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัด ที่สืบทอดเจตนารมณ์ ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า จีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติก ของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์ คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม เมื่อทราบว่าจีน เพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ ได้อย่างฉาดฉาน เช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน หน้าตาของจีน ใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้น ก็ทำข้อวัตรปฏิบัติ เช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่า จีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชาย ที่กำลังจะโต สมองกำลังขยาย และพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติ ที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่า คุณแม่เป็นคนส่งเสริม ให้ผมไปบวช ในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน จีนเล่าให้ผมฟังว่า “แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้ว ต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่น ตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอาย ว่า ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ แม่ผมอยากให้ผม บวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย” จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษ ในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมาก และจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิท ในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณร คือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผม ด้วยดวงตาสลด ที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้าม ไม่ให้นอนที่นอนนุ่ม ก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยม หาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป เพราะต้องนำเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร ให้ฉันแต่ของที่เขา เอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา ทุกคนเขาสรรเสริญเรา ที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมด เพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัด ที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติ เช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะ ทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะ จึงเป็นการระวัง ไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีล ในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะ จะได้พิจารณาสถานที่ ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก หน้าตา ดีขึ้นกว่าเดิม วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น จีนยังทำได้ และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน จีนมีความเข้มแข็ง และมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม จีนโชคดี ที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจ หลักของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำ ที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสอง ประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าว ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาต ตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติ เรื่องการฉันอาหารในบาตร ได้อย่างถ่องแท้ จีนใช้เวลา ระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่ จีนอยากบวชอีก เมื่อมีโอกาส ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่า พออ่านได้พอสมควรแล้ว ให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่อง องค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่า เมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก ที่เอาเรื่องจีนมาเล่า เพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่น ยิงนกกระจอก ที่มากมายในวัด มาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาส เหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต
เณรจีน บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียง เป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น
เณรจีน โดย คุณหลวง จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่า คงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษ เช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกัน พร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัด ที่สืบทอดเจตนารมณ์ ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า จีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติก ของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์ คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม เมื่อทราบว่าจีน เพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ ได้อย่างฉาดฉาน เช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน หน้าตาของจีน ใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้น ก็ทำข้อวัตรปฏิบัติ เช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่า จีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชาย ที่กำลังจะโต สมองกำลังขยาย และพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติ ที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่า คุณแม่เป็นคนส่งเสริม ให้ผมไปบวช ในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน จีนเล่าให้ผมฟังว่า “แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้ว ต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่น ตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอาย ว่า ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ แม่ผมอยากให้ผม บวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย” จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษ ในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมาก และจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิท ในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณร คือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผม ด้วยดวงตาสลด ที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้าม ไม่ให้นอนที่นอนนุ่ม ก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยม หาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป เพราะต้องนำเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร ให้ฉันแต่ของที่เขา เอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา ทุกคนเขาสรรเสริญเรา ที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมด เพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัด ที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติ เช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะ ทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะ จึงเป็นการระวัง ไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีล ในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะ จะได้พิจารณาสถานที่ ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก หน้าตา ดีขึ้นกว่าเดิม วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น จีนยังทำได้ และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน จีนมีความเข้มแข็ง และมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม จีนโชคดี ที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจ หลักของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำ ที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสอง ประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าว ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาต ตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติ เรื่องการฉันอาหารในบาตร ได้อย่างถ่องแท้ จีนใช้เวลา ระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่ จีนอยากบวชอีก เมื่อมีโอกาส ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่า พออ่านได้พอสมควรแล้ว ให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่อง องค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่า เมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก ที่เอาเรื่องจีนมาเล่า เพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่น ยิงนกกระจอก ที่มากมายในวัด มาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาส เหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต
เณรจีน บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียง เป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น
เณรจีน โดย คุณหลวง จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่า คงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษ เช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกัน พร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัด ที่สืบทอดเจตนารมณ์ ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า จีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติก ของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์ คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม เมื่อทราบว่าจีน เพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ ได้อย่างฉาดฉาน เช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน หน้าตาของจีน ใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้น ก็ทำข้อวัตรปฏิบัติ เช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่า จีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชาย ที่กำลังจะโต สมองกำลังขยาย และพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติ ที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่า คุณแม่เป็นคนส่งเสริม ให้ผมไปบวช ในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน จีนเล่าให้ผมฟังว่า “แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้ว ต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่น ตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอาย ว่า ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ แม่ผมอยากให้ผม บวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย” จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษ ในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมาก และจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิท ในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณร คือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผม ด้วยดวงตาสลด ที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้าม ไม่ให้นอนที่นอนนุ่ม ก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยม หาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป เพราะต้องนำเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร ให้ฉันแต่ของที่เขา เอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา ทุกคนเขาสรรเสริญเรา ที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมด เพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัด ที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติ เช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะ ทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะ จึงเป็นการระวัง ไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีล ในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะ จะได้พิจารณาสถานที่ ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก หน้าตา ดีขึ้นกว่าเดิม วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น จีนยังทำได้ และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน จีนมีความเข้มแข็ง และมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม จีนโชคดี ที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจ หลักของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำ ที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสอง ประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าว ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาต ตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติ เรื่องการฉันอาหารในบาตร ได้อย่างถ่องแท้ จีนใช้เวลา ระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่ จีนอยากบวชอีก เมื่อมีโอกาส ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่า พออ่านได้พอสมควรแล้ว ให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่อง องค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่า เมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก ที่เอาเรื่องจีนมาเล่า เพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่น ยิงนกกระจอก ที่มากมายในวัด มาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาส เหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต
เณรจีน บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียง เป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น
เณรจีน โดย คุณหลวง จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่า คงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษ เช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกัน พร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัด ที่สืบทอดเจตนารมณ์ ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า จีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติก ของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์ คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม เมื่อทราบว่าจีน เพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ ได้อย่างฉาดฉาน เช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน หน้าตาของจีน ใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้น ก็ทำข้อวัตรปฏิบัติ เช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่า จีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชาย ที่กำลังจะโต สมองกำลังขยาย และพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติ ที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่า คุณแม่เป็นคนส่งเสริม ให้ผมไปบวช ในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน จีนเล่าให้ผมฟังว่า “แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้ว ต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่น ตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอาย ว่า ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ แม่ผมอยากให้ผม บวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย” จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษ ในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมาก และจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิท ในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณร คือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผม ด้วยดวงตาสลด ที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้าม ไม่ให้นอนที่นอนนุ่ม ก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยม หาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป เพราะต้องนำเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร ให้ฉันแต่ของที่เขา เอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา ทุกคนเขาสรรเสริญเรา ที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมด เพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัด ที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติ เช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะ ทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะ จึงเป็นการระวัง ไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีล ในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะ จะได้พิจารณาสถานที่ ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก หน้าตา ดีขึ้นกว่าเดิม วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น จีนยังทำได้ และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน จีนมีความเข้มแข็ง และมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม จีนโชคดี ที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจ หลักของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำ ที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสอง ประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าว ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาต ตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติ เรื่องการฉันอาหารในบาตร ได้อย่างถ่องแท้ จีนใช้เวลา ระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่ จีนอยากบวชอีก เมื่อมีโอกาส ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่า พออ่านได้พอสมควรแล้ว ให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่อง องค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่า เมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก ที่เอาเรื่องจีนมาเล่า เพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่น ยิงนกกระจอก ที่มากมายในวัด มาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาส เหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต
เณรจีน บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียง เป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น
เณรจีน โดย คุณหลวง จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่า คงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษ เช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกัน พร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัด ที่สืบทอดเจตนารมณ์ ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า จีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติก ของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์ คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม เมื่อทราบว่าจีน เพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผม มีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ ได้อย่างฉาดฉาน เช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน หน้าตาของจีน ใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้น ก็ทำข้อวัตรปฏิบัติ เช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่า จีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชาย ที่กำลังจะโต สมองกำลังขยาย และพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติ ที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่า คุณแม่เป็นคนส่งเสริม ให้ผมไปบวช ในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน จีนเล่าให้ผมฟังว่า “แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้ว ต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่น ตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอาย ว่า ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ แม่ผมอยากให้ผม บวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย” จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษ ในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมาก และจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิท ในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณร คือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผม ด้วยดวงตาสลด ที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้าม ไม่ให้นอนที่นอนนุ่ม ก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยม หาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบาก ในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป เพราะต้องนำเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นอาหาร ให้ฉันแต่ของที่เขา เอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา ทุกคนเขาสรรเสริญเรา ที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมด เพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัด ที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติ เช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะ ทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะ จึงเป็นการระวัง ไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีล ในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะ จะได้พิจารณาสถานที่ ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก หน้าตา ดีขึ้นกว่าเดิม วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น จีนยังทำได้ และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน จีนมีความเข้มแข็ง และมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม จีนโชคดี ที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจ หลักของพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ยังเล็ก จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำ ที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสอง ประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าว ท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาต ตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติ เรื่องการฉันอาหารในบาตร ได้อย่างถ่องแท้ จีนใช้เวลา ระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่ จีนอยากบวชอีก เมื่อมีโอกาส ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่า พออ่านได้พอสมควรแล้ว ให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่อง องค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่า เมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก ที่เอาเรื่องจีนมาเล่า เพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่น ยิงนกกระจอก ที่มากมายในวัด มาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาส เหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต