เณรจีน

เณรจีน

บทความเกี่ยวกับเด็กชายคนหนึ่ง ที่เคยร่วมบรรพชาสามเฌรภาคฤดูร้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสาม 
ยุวกรรมฐานเยาวชน ซึ่งเมื่อลาสิกขาไปแล้ว ได้มีผู้พบเห็นนำมาเรียบเรียงเป็นบทความตอนหนึ่งในหนังสือ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด ๕ รวมเรื่องเล่า_สิ่งที่เห็น

เณรจีน

 

โดย คุณหลวง

จีนเป็นชื่อเล่นของเด็กผู้ชายวัย ๑๐ ขวบ ชื่อจริงว่าณภัทร  ศิริประสาทสุข อยู่ชั้นประถมปีที่ ๕ โรงเรียนสาธิตประสานมิตร ผมมีโอกาสได้พบกับจีนโดยบังเอิญ จีนมากับครอบครัวใหญ่ มาด้วยกันหลายคน เห็นเด็กผู้ชายหน้าใสตัดผมสั้นครั้งแรก คิดในใจว่าคงเป็นเด็กที่อยากเข้าโรงเรียนพิเศษเช่นโรงเรียนวชิราวุธ จึงต้องมีผมสั้นติดหนังหัว จนเมื่อมีโอกาสได้คุยกันพร้อมด้วยพ่อแม่ และญาติพี่น้อง จึงได้ความกระจ่างว่า เพิ่งลาสิกขาบทมาเมื่อเช้านี้ จีนไปเข้าค่ายบวชเณรช่วงปิดเทอม ๒๘ วัน ที่วัดป่ามณีกาญจน์ ซึ่งเป็นวัดที่สืบทอดเจตนารมณ์ของหลวงปู่มั่นเช่นเดียวกัน ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าจีนห้อยล็อคเก็ตเคลือบพลาสติกของหลวงปู่มั่นด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงปู่เสาร์คล้องที่คอด้วยเส้นเชือกสีดำสวยงาม

เมื่อทราบว่าจีนเพิ่งสึกมาจากวัดป่ามณีกาญจน์ ทำให้ผมมีความรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมที่เห็นหน้าจีนนาทีแรก ดีใจที่เห็นเด็กตัวเล็กๆ เข้ามาบวชอยู่ในวัดสายธารเดียวกัน มีความรู้สึกว่าเป็นเครือญาติกัน แม้ว่าจะมีอายุห่างกันมาก เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับจีนแล้ว ทำให้เกิดความรู้อยากคุยต่ออีกนานๆ เพราะเป็นเด็กที่ตอบโต้ได้อย่างฉาดฉานเช่นผู้ใหญ่วัยเดียวกัน

หน้าตาของจีนใสเหมือนเด็กทั่วไป ผิวขาว ดัดฟันตามความนิยมของพ่อแม่ ที่กลัวลูกจะมีฟันไม่สวย  ตามตำราว่าเป็นเด็กฉลาด และจีนเป็นเด็กที่พูดเก่งอยู่แล้ว มีไหวพริบที่ดีโต้ตอบฉาดฉาน พูดง่ายๆ ว่า พูดคุยกันรู้เรื่องทีเดียว

จีนบวชที่วัดป่ามณีกาญจน์ หลวงปู่สาครเป็นประธานสงฆ์ ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติสายเดียวกันกับวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ฉันมื้อเช้ามื้อเดียว ต่อจากนั้นก็ทำข้อวัตรปฏิบัติเช่นวัดป่าบ้านตาดและวัดป่าอื่นๆ ทั่วไป ผมแปลกใจว่าจีนทำตามที่พ่อและแม่บอกให้ทำ หรือจีนต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะการที่จะให้เด็กอายุ ๑๐ ขวบบวช โดยเฉพาะเป็นเด็กผู้ชายที่กำลังจะโต สมองกำลังขยายและพัฒนาอย่างมาก ย่อมมีความอยากรู้อยากเห็น และซุกซนพอสมควร กลับเอาเวลา ๒๘ วันอยู่ในที่ๆ มีศีล ๑๐ สำหรับเณรครอบคลุมอยู่ และอยู่ในวัดสายธรรมยุติที่เคร่งครัดด้วยข้อวัตรปฏิบัติ จีนตอบว่าคุณแม่เป็นคนส่งเสริมให้ผมไปบวชในภาคฤดูร้อนของโรงเรียน

จีนเล่าให้ผมฟังว่า แรกๆ ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตี ๔ กว่า เพื่อนๆ ที่บวชอยู่ด้วยกันจำนวนมากไม่ยอมตื่น ต้องโดนดุอยู่บ่อยๆ จัดของเสร็จแล้วต้องขึ้นไปทำวัตรเช้า แล้วจึงออกบิณฑบาตรอบสระน้ำ จีนต้องรีบตื่นตามเสียงปลุกของครูบา บางครั้ง ไม่ได้แปรงฟันเป็นเวลาหลายวัน น้ำก็ไม่ได้อาบ  จีนเล่าให้ฟังต่ออย่างเหนียมอายว่า  ๓ วันแรกคิดถึงบ้านมาก เพราะไม่เคยห่างบ้านครับ  แม่ผมอยากให้ผมบวชเณรในระหว่างปิดเทอม ผมก็คิดว่าดีครับ จึงมาบวชตามที่คุณแม่แนะนำ พอมาอยู่วัด แรกๆ อยากกลับบ้าน มองไปที่ไหนตอนเย็นๆ เห็นแต่เณรเต็มไปหมด ที่นอนก็แข็ง มีเสื่อกับผ้าปูนอนเท่านั้น ไม่เหมือนบ้าน จึงปรับตัวไม่ได้ ต้องใช้เวลา ๒-๓ วัน จึงค่อยคุ้นเคย

จีนเล่าให้ฟังต่อว่า ตลอดเวลาที่เขาบวชอยู่ เขาทำผิดข้อวัตรปฏิบัติอยู่หลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งที่จีนจำได้ดีว่า เมื่อไปไหว้บรรพบุรุษในวันเช็งเม้งที่ต่างจังหวัด วันนั้นอากาศร้อนมากและจีนต้องอยู่กลางแดดตลอดเวลา จีนเหนื่อยจากการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก่อนกลับวัดตอนเย็น จีนนอนหลับสนิทในห้องนอนของจีนเอง เมื่อตื่นขึ้นจึงนึกขึ้นได้ว่า ผิดข้อวัตรปฏิบัติของเณรคือนอนในที่นอนนุ่ม จีนสารภาพกับผมด้วยดวงตาสลดที่ไม่ได้ปฏิบัติให้ครบถ้วน และที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ เวลาจีนปัสสาวะจีนจะยืน ไม่ได้นั่งปัสสาวะตามระเบียบของพระ ผมจึงได้โอกาสบอกกับจีนว่า อย่าคิดมาก จีนทำได้ดีมากที่สุดแล้ว ที่เขาห้ามไม่ให้นอนที่นอนนุ่มก็เพราะเขาไม่ให้เราติดความสุข ความสะดวกสบาย เพราะพระเณร เมื่อตัดสินใจเข้าบวชแล้ว ไม่มีรายได้ที่จะหาซื้อของดีๆ มาใช้ พระเณรอยู่ได้เพราะญาติโยมหาอาหารมาใส่บาตร เราจะได้ไม่ต้องลำบากในการหาซื้อของมาทำอาหารฉันเองซึ่งเสี่ยงต่อการทำบาป  เพราะต้องนำเนื้อสัตว์มาปรุงเป็นอาหาร  ให้ฉันแต่ของที่เขาเอามาใส่บาตร เพื่อให้เรามีโอกาส มีเวลาในการถือศีล และภาวนา  ทุกคนเขาสรรเสริญเราที่เราละความสะดวกสบายทั้งหมดเพื่อมาบวช โดยเฉพาะในวัดที่เคร่งครัดข้อวัตรปฏิบัติเช่นที่วัดป่ามณีกาญจน์นี่ไง และการที่ไม่ให้ยืนปัสสาวะ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเผลอเรอ ทำให้สัตว์ต่างๆ ที่มองไม่เห็นต้องตาย เพราะการยืนปัสสาวะทำให้เรามองไม่เห็นแมลงตัวเล็กๆ เช่น มด ปลวก ที่หลบซ่อนอยู่ การนั่งปัสสาวะจึงเป็นการระวังไม่ให้ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตามหลักของศีลในพระพุทธศาสนา เวลานั่งปัสสาวะจะได้พิจารณาสถานที่ว่าดีหรือไม่ สิ่งที่จีนทำพลาด เป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจ คงไม่เป็นอะไร เพราะจีนเพิ่งจะบวชและเป็นเณร จีนจึงคลายความวิตกไปได้มาก  หน้าตาดีขึ้นกว่าเดิม

วัตรปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดเหล่านี้ จีนเป็นเด็กอายุเพียง ๑๐ ขวบเท่านั้น  จีนยังทำได้  และอยู่ที่วัดได้ถึง ๒๘ วัน  จีนมีความเข้มแข็งและมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม  จีนโชคดีที่ได้รับการปลูกฝังให้เข้าใจหลักของพระพุทธศาสนาตั้งแต่ยังเล็ก

จีนเดินจงกรมรอบสระน้ำที่วัดป่ามณีกาญจน์จนเข้าใจว่า การเดินจงกรมเป็นการพักผ่อน  จีนเดินวันละรอบ เอามือทั้งสองประสานไว้ข้างหน้า เพื่อให้เกิดความสงบ  จีนเดินก้าวไปแต่ละก้าวท่องพุทโธไปเรื่อยๆ เพื่อให้จิตนิ่ง  จีนเดินจงกรมทุกคืน และนั่งภาวนาก่อนนอน เช้าต้องออกบิณฑบาตตามพระเป็นแถวๆ ออกไป จีนเข้าใจวิธีปฏิบัติเรื่องการฉันอาหารในบาตรได้อย่างถ่องแท้  จีนใช้เวลาระหว่างปิดภาคเรียนมาบวช และปฏิบัติตามวัตรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

จีนเล่าให้ฟังว่า ชอบการบวช แม้ว่ามีเวลาไม่มาก  จีนจะเป็นคนดีของพ่อและแม่  จีนอยากบวชอีก  เมื่อมีโอกาส

ผมเอาหนังสือหลวงตาเล่ม ๑ ให้จีนไปอ่าน และบอกว่าพออ่านได้พอสมควรแล้วให้กลับมาหาอีกที เพื่อจะได้คุยกันอีก จีนกลับมาพร้อมกับพ่อและแม่ จึงได้มีโอกาสคุยกันอย่างสนิทสนม พอดีกับหนังสือเล่ม ๒ พิมพ์เสร็จออกมาแล้ว จึงให้ไปอ่านอีกเล่ม จีนดีใจที่ทราบเรื่ององค์พระหลวงตาในหนังสือ สัญญากันไว้ว่าเมื่ออ่านจบแล้วทั้ง ๒ เล่ม จะให้เล่ม ๓ ไปอ่านอีก

ที่เอาเรื่องจีนมาเล่าเพราะเมื่อผมยังเด็กขนาดเท่าจีน ผมอยู่ใกล้วัดแท้ๆ ทั้งวัดอินทรวิหาร และวัดนรนารถ ซึ่งเป็นวัดธรรมยุติ  ผมยังไม่มีโอกาสเช่นจีน ผมได้แต่วิ่งเล่นยิงนกกระจอกที่มากมายในวัดมาย่างกินกับเพื่อนๆ ด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้มีโอกาสเหมือนจีนเด็กน้อยวัย ๑๐ ขวบ ที่มีโอกาสได้เข้าวัดได้บวชเณร และผมมีความเชื่อมั่นว่า จีนจะเป็นเด็กที่ดีในอนาคต  เพราะเขาเป็นกระดาษซับอย่างดีที่ซึมซับเอาแต่สิ่งดีๆ ไว้ในตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน  ด้วยบารมีของบุญกุศลที่เขาได้ทำไว้ด้วยการบวช จะเป็นเกราะป้องกันเขาได้ในอนาคต